วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557


ต้นประดู่บ้าน







ต้นไม้ประจำจังหวัด : ภูเก็ต
ชื่อพันธุ์ไม้ : ประดู่บ้าน
ชื่อสามัญ : Burma Padauk, Narra, Angsana Norra, Malay Padauk, Burmese Rosewood, Andaman Redwood, Amboyna
Wood, Indian rosewood
ชื่อวิทยาศาสตร์  : Pterocarpus indicus Willd
อาณาจักร : พืช (Plantae)
หมวด : Magnoliophyta
ชั้น :  Magnoliopsida
อันดับ : Fabales
วงศ์ : LEGUMINOSAE (FABACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อย PAPILIONACEAE เช่นเดียวกับต้นประดู่ป่า
วงศ์ย่อย : Faboideae
เผ่า : Dalbergieae
สกุล : Pterocarpus
สปีชีส์P. indicus
ชื่ออื่น : ดู่บ้าน (ภาคเหนือ), ประดู่บ้าน ประดู่ลาย (ภาคกลาง), สะโน (มลายู-นราธิวาส), ประดู่ไทย (ภาคกลาง), ประดู่กิ่งอ่อน (ทั่วไป), อังสนา

ถิ่นกำเนิด : มาเลเซีย แถบทะเลอันดามัน มัทราช อ่าวเบงกอล พม่า และ ไทย ส่วนอีกข้อมูลระบุว่ามีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย

ลักษณะของต้นประดู่ : ต้นประดู่จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ลำต้นมีความสูงประมาณ 20-25 เมตร หรืออาจสูงกว่า จะผลัดใบก่อนการออกดอก แตกกิ่งก้านเป็นทรงพุ่มกว้าง และปลายกิ่งห้อยลง เปลือกลำต้นหนาเป็นสีน้ำตาลเทา แตกหยาบๆ เป็นร่องลึก ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการปักชำกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ต้องการน้ำปานกลาง เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ชอบแสงแดดจัด มักพบขึ้นตามป่าเบญจพรรณทางภาคใต้ สามารถปลูกได้ทั่วไป









ใบประดู่ : เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกรวมกันเป็นช่อๆ ใบออกเรียงสลับ แต่ละช่อจะมีใบย่อยประมาณ 7-13 ใบ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปมนรี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมนหรือค่อนข้างแหลม ส่วนขอบใบเรียบไม่มีหยัก ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 4-13 เซนติเมตร แผ่นใบหนาเป็นสีเขียว ผิวใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมด้านท้องใบมากกว่าด้านหลังใบ ก้านใบอ่อนมีขนขึ้นปกคลุมเล็กน้อย เส้นแขนงใบถี่โค้งไปตามรูปใบ เป็นระเบียบ โคนก้านใบมีหูใบ 2 อัน ลักษณะเป็นเส้นยาว






ดอกประดู่ : ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ โดยจะออกบริเวณซอกใบหรือที่ปลายกิ่ง โคนก้านมีใบประดับ 1-2 อัน ลักษณะเป็นรูปรี กลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ ติดกันเป็นถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็นแฉก 2 แฉก แบ่งเป็นอันบน 2 กลีบติดกัน และอันล่าง 3 กลีบติดกัน ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ สีเหลืองแกมแสด ลักษณะของกลีบเป็นรูปผีเสื้อ ดอกมีเกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูติกันเป็น 2-3 กลุ่ม ส่วนเกสรเพศเมียมี 1 อัน ดอกมีกลิ่นหอมแรง ดอกจะบานและร่วงพร้อมกันทั้งต้น โดยจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน





ผลประดู่ : ผลเป็นผลแห้งแบบ samaroid ลักษณะของผลเป็นรูปกลมหรือรีแบน ที่ขอบมีปีกบางคล้ายกับใบโดยรอบคล้ายๆ จานบิน แผ่นปีกบิดและเป็นคลื่นเล็กน้อย นูนตรงกลางลาดไปยังปีก ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-7 เซนติเมตร ส่วนบริเวณปีกยาวประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร ที่ผิวมีขนละเอียด ตรงกลางนูนป่องเป็นที่อยู่ของเมล็ด โดยภายในจะมีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด เมล็ดมีความนูนประมาณ 5-8 มิลลิเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียวแกมเหลือง เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน ผิวสัมผัสขรุขระเมื่อผลแก่ ส่วนเมล็ดมีลักษณะคล้ายกับเมล็ดถั่วแดง ผิวเรียบสีน้ำตาล ยาวประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร
     หมายเหตุ : ต้นประดู่ชนิดนี้ (ต้นประดู่บ้าน) เป็นต้นประดู่ที่พบเห็นได้ทั่วไป และเป็นคนละชนิดกันกับต้นประดู่ดั้งเดิมของไทยหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า ต้นประดู่ป่า” (มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pterocarpus macrocarpus Kurz.)






นิเวศวิทยา   : พบตามป่าเบญจพรรณทางภาคใต้   สามารถปลูกได้ทั่วไป
การปลูกเลี้ยง : ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ชอบดินร่วนซุย ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด นิยมปลูกริมถนนเพราะกิ่งทอดลงห้อยย้อยสวยงาม

สรรพคุณของประดู่
ใบ
   -          ใบนำมาตากแห้งใช้ชงกับน้ำร้อนเป็นชาใบประดู่ นำมาดื่มจะช่วยบรรเทาอาการระคายคอได้
   -          ใบอ่อนนำมาตำให้ละเอียด ใช้เป็นยาพอกแผล พอกฝี จะช่วยทำให้ฝีสุกหรือแห้งเร็ว
   -          ใบอ่อนใช้ตำพอกแก้ผดผื่นคัน (ใบอ่อน)
ผล
   -          ผลมีรสฝาดสมาน มีสรรพคุณเป็นยาแก้อาเจียน
   -          ผลมีสรรพคุณเป็นยาแก้ท้องร่วง
เปลือกต้น
   -          เปลือกต้นมีรสฝาดจัด มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกาย
   -          ใช้เป็นยาแก้โรคบิด
   -          เปลือกต้นมีรสฝาด มีสรรพคุณเป็นยาสมานบาดแผล
   -          เปลือกต้นและยางมีสรรพคุณเป็นยาแก้อาการท้องเสีย
   -          เปลือกต้นใช้เป็นยาแก้ปากเปื่อย ปากแตก
แก่น
   -          แก่นเนื้อไม้ประดู่ มีรสขมฝาดร้อน มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงโลหิต บำรุงกำลัง บำรุงธาตุในร่างกาย
   -          แก่นเนื้อไม้ใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้เสมหะ
   -          แก่นเนื้อไม้ใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ไข้ แก้พิษไข้
   -          ช่วยแก้เลือดกำเดาไหล ด้วยการใช้แก่นเนื้อไม้นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยา
   -          แก่นมีสรรพคุณเป็นยาขับยาเสมหะ
   -          แก่นก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้ผื่นคัน
   -          แก่นเนื้อไม้ใช้เป็นยาแก้โรคคุทะราด ด้วยการนำแก่นไม้มาต้มกับน้ำกิน
ยางไม้
   -          ยางมีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคปากเปื่อย
   -          ยางไม้ประดู่มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “Gum Kino” สามารถนำมาใช้เป็นยาแก้โรคท้องเสียได้ (ยางไม้)
ราก
   -          ส่วนรากใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้พิษไข้

 แมลงศัตรูของต้นประดู่บ้าน

-            ด้วงหนวดปมสีน้ำตาลไหม้


   -            มอดรูเข็ม


           ทำให้ต้นประดู่เป็นแบบนี้
-         ใบเหลืองทั่วต้น
-         ใบร่วงจนหมดต้น มีรูเล็กๆตามเปลือกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาน 1-2 มิลิเมตร ตามโคนต้น กิ่งและยืนต้นตาย
-         ยืนต้นตายและมีรูเล็กๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ตามลำต้นและมีเชื้อราเส้นใยสีขาวขึ้นรอบลำต้นบริเวณใดบริเวณหนึ่ง



ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของต้นประดู่
     เมื่อนำส่วนของเปลือก ราก และใบมาสกัดด้วยตัวทำละลาย พบว่าสารที่พบได้ในทุกส่วนของประดู่ คือ Flavonoid Tannin และ Saponin ส่วนสารสำคัญที่ได้จากการค้นคว้าข้อมูลอื่น พบว่ามีสาร Angiolensin Homopterocarpin, Formonoetin, Isoliquirtigenin, Narrin , Pterostilben, Pterocarpin, Pterofuran, Pterocarpon, Prunetin, Santalin, P-hydroxyhydratropic acid, β-eudesmol ส่วนใบพบว่ามีคลอโรฟิลล์ 3 ชนิด คือ Chlorophyll a Chlorophyll b และ Xanthophyll
     ประดู่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อชา เชื้อแบคทีเรีย แก้อาการปวด ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว ยับยั้งการแบ่งเซลล์ ยับยั้งเอนไซม์ Ornithine decarboxylase และยับยั้ง Plasmin ฤทธิ์คล้ายเลคติน ทำให้เม็ดเลือดแดงเกาะกลุ่มกัน
     จากการทดสอบความเป็นพิษ โดยใช้สารสกัดด้วยเอทานอลจากส่วนที่อยู่เหนือดินของต้นประดู่ 50% เมื่อนำมาฉีดเข้าท้องของหนูถีบตักรทดลอง พบว่าขนาดที่ทำให้หนูตายคือขนาดมากกว่า 1 กรัม


ประโยชน์ของต้นประดู่
   -              เนื้อไม้ ต้มกินแก้ไข้ เสมหะ เลือดกำเดาไหล ใบอ่อนใช้พอกแผลให้แห้งเร็ว แก้ผดผื่นคัน ยางไม้ แก้โรคท้องเสีย เนื้อไม้ประดู่นำไปใช้ในงานก่อสร้างทั้งภายในและภายนอกอาคาร เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความทนทานสูง เนื้อไม้มีสีสวยงาม สีแดงอมเหลืองถึงสีแดงอิฐเข้ม มีเส้นสีแก่กว่าสีพื้น เสี้ยนสนเป็นริ้วไสกบตบแต่งชักเงาได้ดี ดังนั้นการใช้ไม้ประดู่ในการก่อสร้างจึงเป็นไปอย่างกว้างขวาง ตลอดจนการทำเฟอร์นิเจอร์เครื่องมือเครื่องใช้ ส่วนไม้ขนาดเล็กใช้ทำไม้ปาร์เก้
   -          ใบอ่อนและดอกประดู่สามารถนำมาลวกรับประทานเป็นอาหารได้ และยังสามารถนำมาชุบแป้งทอดรับประทานกับน้ำจิ้มเป็นอาหารว่างได้อีกด้วย
   -          เปลือกให้น้ำฝาดสำหรับฟอกหนัง เปลือกและแก่นประดูยังสามารถนำมาใช้ย้อมสีผ้าได้ดี โดยเปลือกจะให้สีน้ำตาล ส่วนแก่นจะให้สีแดงคล้ำ
   -          ใบมีรสฝาด สามารถนำมาชงกับน้ำใช้สระผมได้

     ไม้ประดู่ เป็นไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ มีคุณภาพดี เพราะเป็นไม้เนื้อแข็ง เนื้อละเอียดปานกลาง ปลวกไม่ทำลาย สีสวย มีลวดลายสวยงาม ตกแต่งขัดเงาได้ดี นิยมนำมาใช้สร้างบ้านเรือน ทำฝาบ้าน พื้นบ้าน ทำเสา ทำคาน ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ เครื่องเรือนต่างๆ หรือนำมาใช้ทำเกวียน ทำเรือคานและเรือทั่วๆ ไป รวมทั้งส่วนประกอบต่างๆ ของเรือด้วย เพราะไม้ประดู่มีคุณสมบัติทนน้ำเค็ม ทำเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เช่น ด้ามมีด จานรองแก้ว ทัพพี ฯลฯ เครื่องดนตรี เช่น ซอด้วง ระนาด เป็นต้น นอกจากนี้ประดู่บางต้นยังเกิดปุ่มตามลำต้น หรือที่เรียกว่า ปุ่มประดู่จึงทำให้ได้เนื้อไม้ที่มีคุณภาพสูงและงดงาม แต่จะมีราคาแพงมากและหาได้ยาก นิยมนำมาใช้ทำเครื่องเรือนและเครื่องมือเครื่องใช้ได้อย่างดีเยี่ยม
      คนไทยนิยมนำต้นประดู่มาปลูกเป็นไม้ประดับตามอาคารหรือสถานที่สาธารณะ เช่น ตามสวนหรือทางเดินเท้า ปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงาและให้ความสวยงาม อีกทั้งยังช่วยกำจัดอากาศเสีย ช่วยกรองฝุ่นละออง และกันลมกันเสียงได้ดีอีกด้วย ดังจะเห็นได้ในเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ ที่จะใช้ประโยชน์จากต้นประดู่มากเป็นพิเศษ

ด้านเชิงอนุรักษ์
     ต้นประดู่เป็นไม้เรือนยอดกลมโต มีความแข็งแรง สามารถช่วยป้องกันลมและคลุมดินให้ร่มเย็นชุ่มชื้นได้ และยังช่วยรองรับน้ำฝนช่วยลดแรงปะทะหน้าดิน ประกอบกับมีระบบรากหยั่งลึกและแผ่กว้างที่ช่วยยึดหน้าดินไว้ไม่ให้พังทลายได้ง่าย และรากที่มีปมขนาดใหญ่ยังช่วยตรึงไนโตรเจนในอากาศมาเก็บไว้ในรูปของไนโตรเจนที่เป็นประโยชน์อีกด้วย ส่วนใบที่หนาแน่น เมื่อร่วงหล่นก็จะเกิดการผุพังกลายเป็นธาตุอาหารอินทรียวัตถุให้แก่ดินได้เป็นอย่างดี

ด้านความเชื่อ     
     ปลูกต้นประดู่ไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดพลังแห่งความยิ่งใหญ่เพราะ ประดู่ คือ ความพร้อม ความร่วมมือ ร่วมใจสามัคคี มีพลังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นอกจากนี้ดอกของประดู่ยังมีลักษณะที่ระดมกันบานเต็มต้นดูลานตา ดังนั้นคนโบราณจึงได้เลือกเอาต้นประดู่เป็นไม้ประจำกอง กองทัพเรือและคนโบราณยังเชื่อว่า ส่วนของแก่นไม้ยังใช้เป็นศิลปะการดนตรี ที่สำคัญของคนพื้นเมืองในสมัยโบราณอีกด้วย คือใช้ทำเป็นเครื่องเสียงพวกระนาดนั่นก็หมายถึง ความแข็งแกร่ง แข็งแรง เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นประดู่ไว้ทางทิศตะวันตก ผู้ปลูกควรปลูกในวันเสาร์เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาคุณให้ปลูกในวันเสาร์ถ้าจะให้เป็นมงคลยิ่งขึ้นผู้ปลูกควรเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและเป็นผู้ที่ประกอบคุณงามความดีก็จะเป็นสิริมงคลยิ่งนัก

สัญลักษณ์
ดอกประดู่เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพเรือไทย
ดอกประดู่เป็นสัญลักษณ์และต้นไม้ประจำ โรงเรียนวัดป่าประดู่
ดอกประดู่เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง และ จังหวัดอุตรดิตถ์ ส่วนต้นประดู่เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดภูเก็ต
ดอกประดู่เป็นดอกไม้ประจำชาติพม่า
ประดู่เป็นต้นไม้ประจำ โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชบางขุนเทียน
ประดู่เป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
ประดู่เป็นต้นไม้ประจำวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคใต้
ประดู่เป็นต้นไม้ประจำโรงเรียนสิงห์สมุทร
ประดู่เป็นต้นไม้ประจำโรงเรียนดรุณากาญจนบุรี
ประดู่เป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น
ประดู่เป็นต้นไม้ประจำโรงเรียนสตรีประเสริฐศิลป์
ประดู่เป็นต้นไม้ประจำโรงเรียนเซนต์ราฟาแอล
ประดู่เป็นต้นไม้ประจำโรงเรียนบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี)สมุทรปราการ
ประดู่เป็นต้นไม้ประจำโรงเรียนสมุทรปราการ




แหล่งเรียนรู้ต้นประดู่บ้าน : โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี   ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400



       


Writer :

     This is STEM Project, that is one of biology subject with technology. We choose Phadu tree because we interesting it and important in Surasakmontree school, It's big,wildly and shady proper to learning. We search information, properties and benefit including useful hint or idea for learn and know it. We hope reader can read and take it to useful, Thank you for attention.


     STEM  คืออะไร
      สะเต็มศึกษา (STEM Education) คือ แนวทางการศึกษาที่ได้บูรณาการความรู้ระหว่างศาสตร์วิชาต่างๆเช่น ความรู้ทางวิทยาศาสตร์  ความรู้ทางด้านเทคโนโลยี ความรู้ทางด้านวิศวกรรม และความรู้ด้านคณิตศาสตร์  รวมเข้าด้วยกัน
     -Science เป็นวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาปรากฏการณ์ต่างๆ ในธรรมชาติ โดยอาศัยกระบวนการสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Inquiry)
     -Technology เป็นวิชาที่ว่าด้วยกระบวนการทำงานที่มีการประยุกต์ศาสตร์สาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มาใช้ในการแก้ปัญหา ปรับปรุงแก้ไขหรือพัฒนาสิ่งต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการ หรือความจำเป็นของมนุษย์
     -Engineering เป็นวิชาที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือสร้างสิ่งต่างๆ เพื่อมาอำนวยความสะดวกของมนุษย์ โดยอาศัยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และกระบวนการทางเทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้สร้างสรรค์ชิ้นงานนั้นๆ
     -Mathematics เป็นวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาเกี่ยวกับการคำนวณ หรือ วิชาที่เกี่ยวกับการคำนวณ เป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษาและต่อยอดทางวิศวกรรมศาสตร์
     เพื่อการส่งเสริมทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (21st Century skills) เช่น
     
     1.   ด้านปัญญา ผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหา
     2.   ด้านทักษะการคิด ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะการคิด โดยเฉพาะการคิดขั้นสูง เช่น การคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ

     3.   ด้านคุณลักษณะ ผู้เรียนสามารถมีทักษะการทำงานกลุ่มทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ


อ้างอิง :
-      ประดู่บ้าน.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : http://frynn.com//  (วันที่ค้นหาข้อมูล : 23 พฤศจิกายน 2557).
-       พันธุ์ไม้มงคลพระราชทาน.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : http://www.dnp.go.th/EPAC/  (วันที่ค้นหาข้อมูล : 23 พฤศจิกายน 2557).
-      กันยาพร  ล่องประเสริฐ.  ประดู่บ้าน.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก  : https://sites.google.com/site/kanyaporn373/  (วันที่ค้นหาข้อมูล : 23 พฤศจิกายน 2557).
-      ประดู่.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก  : http://th.wikipedia/wiki/ประดู่  (วันที่ค้นหาข้อมูล : 23 พฤศจิกายน 2557).
-    สะเต็มศึกษา (STEM Education) คืออะไร. ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : http://www.gammaco.com/forums  (วันที่ค้นหาข้อมูล : 23 พฤศจิกายน 2557).

จัดทำโดย
   1.นางสาว ศุภศิญา   ลีส้มซ่า      เลขที่ 20
   2.นางสาว จิราภรณ์   พรมใจ     เลขที่ 24
   ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3   โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี
    วิชา ชีววิทยา ว.32242 
     อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ รัฐราษฎร์   เกื้อสกุล